07 ธันวาคม 2548

การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย

ตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร (8) .. โดย สุเทพ พงษ์พิทักษ์
ในสัปดาห์นี้ขอนำประเด็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65(5)(8) และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548 ที่เพิ่งออกมาใหม่เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2548 แต่มีผลใช้บังคับย้อนกลับไป ณ วันที่ 1 มีนาคม 2548 จึงขอนำมาเป็นประเด็น ปุจฉา-วิสัชนา ต่อจากสัปดาห์ก่อนดังนี้
ปุจฉา มีแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการลงรายการในรายงานภาษีขายตามมาตรา 87/(1) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษีเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศอย่างไร
วิสัชนา ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนปฏิบัติดังนี้
1.การลงรายการในรายงานภาษีขายสำหรับการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษี โดยถือมูลค่าของสินค้าหรือของบริการซึ่งได้คำนวณเป็นหน่วยเงินตราไทยตามที่ระบุในใบกำกับภาษี
2.การลงรายการในรายงานภาษีขายสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออกผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ชำระอากรขาออก หรือวางหลักประกันอากรขาออกหรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่กรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกก็ให้ลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร โดยให้คำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในรายงานภาษีขาย ดังนี้
(1) กรณีได้รับเงินตราต่างประเทศจากการส่งออกสินค้าก่อนหรือในขณะที่ออกใบกำกับภาษี และได้มีการขายเงินตราต่างประเทศที่ได้รับชำระนั้นเป็นเงินตราไทยแล้ว ให้ถือเงินตราไทยจากการขายนั้นเป็นมูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้า
(2) กรณีได้รับเงินตราต่างประเทศจากการส่งออกสินค้าก่อนหรือในขณะที่ออกใบกำกับการแล้ว แต่มิได้มีการขายเงินตราต่างประเทศ หรือยังไม่ได้รับเงินตราต่างประเทศจากการส่งออกสินค้าในขณะที่ออกใบกำกับภาษี ให้คำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตาม (1) หรือ (2) ในเดือนภาษีที่ลงรายงานแล้ว ให้ถือมูลค่าของสินค้าซึ่งได้คำนวณเป็นเงินตราไทยเพื่อการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของเดือนภาษีนั้น ถ้าได้รับชำระราคาค่าสินค้าเป็นเงินตราต่างประเทศในเดือนภาษีอื่น หรือได้มีการขายเงินตราต่างประเทศในเดือนภาษีอื่น ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ต้องคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในเดือนภาษีที่ได้รับเงินตราต่างประเทศหรือในเดือนภาษีที่มีการขายเงินตราต่างประเทศ
3.การลงรายการในรายงานภาษีขายของผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งการให้บริการได้กระทำในราชอาณาจักร และได้มีการใช้บริการนั้นในต่างประเทศ ต้องลงรายการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ออกใบแจ้งหนี้หรืออินวอยซ์ โดยให้คำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในรายงานภาษีขายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร
4.การลงรายการในใบรายงานภาษีขายของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยอากาศยาน ซึ่งได้ออกใบกำกับภาษีให้ดำเนินการเช่นเดียวกับการลงรายการในรายงานภาษีขายของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ส่งออกสินค้าตามข้อ 2
ปุจฉา มีแนวทางปฏิบัติในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และการลงรายการในรายงานภาษีซื้ออย่างไร
วิสัชนา กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ให้คำนวณราคา ซี.ไอ.เอฟ. ของสินค้านำเข้าที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามอัตราของกรมศุลกากรใช้คำนวณเพื่อเรียกเก็บอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 79/4(2) แห่งประมวลรัษฎากร
ปุจฉา มีแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ออกใบกำกับภาษีและส่งมอบใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้บริการไปแล้ว ต่อมาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
วิสัชนา กรณีที่อัตราแลกเปลี่ยเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามใบกำกับภาษีที่ได้ออกและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ต้องยกเลิกใบกำกับภาษีฉบับเดิมและออกใบกำกับภาษีฉบับใหม่ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ เนื่องจากไม่ใช่กรณีการออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดตามมาตรา 82/5(2) แห่งประมวลรัษฎากร และไม่มีสิทธิออกใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้ตามมาตรา 86/9 และมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรา 82/9 และมาตรา 82/10 แห่งประมวลรัษฎากร ผลต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่มูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยน
ปุจฉา กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษี โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร จะมีผลอย่างไร
วิสัชนา กรณีดังกล่าว ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษีที่มีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรต้องระวางโทษตามมาตรา 90 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับใบกำกับภาษีไม่มีสิทธินำไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องห้ามตามมาตรา 82/5(2) แห่งประมวลรัษฎากร
จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ไขปัญหาภาษี วันที่ 7 ธันวาคม 2548

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก