14 กรกฎาคม 2548

มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการศึกษา

ในระยะนี้กรมสรรพากรได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์มาตรการหักลดหย่อนภาษีการบริจาคเพื่อส่งเสริมการศึกษาและนันทนาการ (โครงการให้ 1 ได้ 2) โดยผู้บริจาคจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย
การนำไปหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของมูลค่าที่บริจาค ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ให้กับทางราชการอีกทางหนึ่ง จึงขอถือโอกาสนำเสนอให้แก่ผู้มีใจเป็นกุศลและสนใจที่จะช่วยสนับสนุนการศึกษาของชาติ โดยขอสรุปมาตรการดังกล่าว ดังนี้
1. การบริจาคเป็นเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาของทางราชการหรือโรงเรียนเอกชน หรือ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษา
1.1 กรณีบุคคลธรรมดาบริจาค จะหักลดหย่อนภาษีได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 2 เท่าของที่บริจาคจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ทั้งหมดหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นแล้ว
1.2 กรณีนิติบุคคลบริจาค จะบริจาคเป็นเงินหรือทรัพย์สินก็ได้และสามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
เงื่อนไข
? เป็นการบริจาคให้แก่สถานศึกษาตามรายหรือที่กระทรวงศึกษาประกาศกำหนด
? เป็นการบริจาคเพื่อจัดหา สร้างอาคาร ที่ดินเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาหรือเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การศึกษา แบบเรียนสื่อหรือเทคโนโลยีทางการศึกษา
? มีหลักฐานจากสถานศึกษาที่ได้รับเงินหรือทรัพย์สิน
? นิติบุคคลผู้บริจาคและสถานศึกษาเอกชนผู้รับบริจาคต้องไม่เป็นนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
2. การบริจาคโดยการโอนทรัพย์สินหรือสินค้า ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
เงื่อนไข
? การหักมูลค่าเพื่อการยกเว้นภาษีให้หักได้ตามต้นทุนมูลค่าสินค้าที่เหลืออยู่ (Book Value)
? ทรัพย์สินหรือสินค้าที่บริจาคไปต้องไม่คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม
? เป็นการบริจาคให้กับสถานศึกษาที่ร่วมเข้าโครงการให้ 1 ได้ 2
? มีหลักฐานจากสถาบันการศึกษาผู้รับบริจาค
3. การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกีฬาของทางราชการหรือของเอกชนที่เปิดบริการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการ
กรณีนี้ให้สิทธิประโยชน์เฉพาะเป็นการบริจาคโดยนิติบุคคลเท่านั้น โดยผู้บริจาคสามารถถือเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของเงินหรือทรัพย์สิน ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ และต้องเป็นการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาตามโครงการให้ 1 ได้ 2 ของกรมสรรพากรแล้ว
4. การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ กองทุนส่งเสริมสวัสดิการสังคม กองทุนคุ้มครองเด็กหรือกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ
4.1 กรณีบุคคลธรรมดาบริจาค จะหักลดหย่อนภาษีได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อน ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนอื่นๆแล้ว
4.2 กรณีนิติบุคคลบริจาค จะบริจาคเป็นเงินหรือทรัพย์สินก็ได้ และสามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้จริงเท่าจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาค แต่จะต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ
สำหรับสถานศึกษาที่จะเข้าร่วมโครงการให้ 1 ได้ 2 นี้จะต้อง
1. ยื่นคำร้องขอต่อกระทรวงศึกษาธิการ
2. ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการ
3. แจ้งโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการแล้วต่อกรมสรรพากร เพื่อประกาศกำหนดให้เป็นสถานศึกษาในโครงการตามมาตรการนี้
สำหรับผู้สนใจ สามารถค้นหารายชื่อสถานศึกษาที่ประกาศให้เป็นสถานศึกษาในโครงการตามมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ได้จากเวบไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th
จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ไขปัญหาภาษี วันที่ 14 กรกฎาคม 2548

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก