08 มิถุนายน 2548

ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับฐานกำไรสุทธิ (2)

สัปดาห์นี้ ขอนำประเด็นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ ซึ่งมีหลายอัตราแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทกิจการ มาเป็นประเด็นปุจฉา-วิสัชนา ต่อจากครั้งก่อนดังนี้
ปุจฉา มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลการประกอบธุรกรรมซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงในทะเลอย่างไร
วิสัชนา เพื่อส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกรรมซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงในทะเล ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 426) พ.ศ.2547 ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงาน ให้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรลงเหลือ 10% ของกำไรสุทธิ โดยให้มีผลใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกรรมซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงในทะเล ที่มีจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปี ในกรณีดังต่อไปนี้
1.การซื้อและการขายน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร 2.การซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่นอกราชอาณาจักร และไม่ได้นำเข้ามาในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ ให้รวมถึงรายได้จากการซื้อและขายน้ำมันเชื้อเพลิงในกรณีดังกล่าวตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้วย อนึ่ง ผู้ได้รับใบอนุญาตที่จะได้รับสิทธิตามมาตรา 3 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป 2.มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในประเทศไทยไม่น้อยกว่าห้าล้านบาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 3.ได้จดแจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานต่อกรมสรรพากรตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ปุจฉา อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ สำหรับบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์ มีหลักเกณฑ์อย่างไรวิสัชนา เพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัทนำหลักทรัพย์ที่ได้ออกไว้ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 387) พ.ศ.2544 ดังนี้
1.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนอยู่ก่อนวันที่ 6 กันยายน 2544 ลงเหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300 ล้านบาท เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 6 กันยายน 2544 2.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2544 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ลงเหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่บริษัท ที่มีหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2544 3.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิ สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน "ตลาดหลักทรัพย์ใหม่" ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2544 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ลงเหลือร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ เป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่บริษัทมีหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2544 4.บริษัทที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลตามข้อ 2 และข้อ 3 จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) นำหลักทรัพย์ของตนมาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 (2) ไม่เคยมีหลักทรัพย์จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนการจดทะเบียนหลักทรัพย์กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (3) ไม่เป็นบริษัทที่ควบเข้ากันกับบริษัทที่ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) หรือรับโอนกิจการทั้งหมด หรือบางส่วนจากบริษัทดังกล่าว ในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนการจดทะเบียนหลักทรัพย์กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (4) ไม่รับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนจากบริษัทที่ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตาม (ก) อยู่ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ตลอดระยะเวลาที่บริษัทได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ หากมีการรับโอนกิจการดังกล่าว ให้ถือบริษัทนั้นหมดสิทธิที่จะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชี ที่มีการรับโอนกิจการปุจฉา มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอย่างไร
วิสัชนา สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อาจได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3-6 ปี (Tax Holiday) แล้วแต่กิจการนั้นตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุนใด (เขต 1-3) และสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ประกอบกิจการในเขต 3 อาจได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลกึ่งหนึ่ง เป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ไขปัญหาภาษี วันที่ 8 มิถุนายน 2548

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก