19 พฤษภาคม 2548

ไขปัญหาภาษี ฝึกอบรมอย่างไร หักเป็นรายจ่ายได้เท่าครึ่ง (2)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้นำประเด็นการฝึกอบรมลูกจ้างพนักงานของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ซึ่งอาจมีทั้งในกรณีที่เป็นการฝึกอบรมทั่วไป และการฝึกอบรมภายใน
รวมทั้งการฝึกอาชีพให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งโดยทั่วไปรายจ่ายดังกล่าวถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิได้ตามที่จ่ายจริงอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว และได้กล่าวถึงประเด็นการฝึกอบรมทั่วไปที่หักเป็นรายจ่ายได้เท่าครึ่ง ในคราวนี้จึงขอนำประเด็นที่เหลือมาปุจฉา-วิสัชนา ต่อไปดังนี้
ปุจฉา มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จ่ายในการฝึกอบรมที่จะยอมให้หักเป็นรายจ่ายได้เท่าครึ่งอย่างไรวิสัชนา หลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่จะยอมให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้เท่าครึ่ง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ 1.ค่าใช้จ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายให้แก่สถานศึกษา หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพตามข้อ 2 ประกอบด้วย
(1) ค่าใช้จ่ายการศึกษาที่เป็นค่าเล่าเรียน ค่าลงทะเบียน หรือค่าบำรุง
(2) ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมที่เป็นค่าธรรมเนียมเข้าอบรม หรือค่าลงทะเบียน
ค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมดังกล่าว หมายความรวมถึง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง เพื่อเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม และค่าใช้จ่ายในการดูงานในประเทศหรือต่างประเทศ ตามที่กำหนดในหลักสูตร (ถ้ามี) ที่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพได้เรียกเก็บจากบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลด้วย
2.บริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง ต้องมีใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษา หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพ ที่ออกให้แก่บริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายการศึกษา หรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
3.กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จ่ายค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมให้แก่สถานศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย ว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม
หรือบริษัทที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมายไทย บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายตามข้อ 1 (1) และ (2) ตามแบบที่แนบท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพ ที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2545ปุจฉา รายจ่ายในการฝึกอบรมภายในที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จ่ายไปในการฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างของตน เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้าง
และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของกิจการของนายจ้าง ที่จะมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไร หรือขาดทุนได้ 150% ของรายจ่ายในการฝึกอบรมดังกล่าว มีหลักเกณฑ์อย่างไร
วิสัชนา รายจ่ายในการฝึกอบรมภายในที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายไปในการฝึกอบรมให้แก่ ลูกจ้างของตนเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้าง และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของกิจการของนายจ้าง ที่จะมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรหรือขาดทุน ได้เท่าครึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1.หลักสูตรที่ใช้ฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ต้องเป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้าง และได้รับการรับรองจากกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างแต่ละคนนั้น ต้องเป็นไปตามอัตราที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
2.ลูกจ้างที่เข้ารับการฝึกอบรม ต้องเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะฝึกอบรม เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน ลูกจ้างของตนต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ลูกจ้างที่เข้ารับการฝึกอบรมนั้น กลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น หลังจากการฝึกอบรมเสร็จสิ้น
4.วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้ในการฝึกอบรมตามหลักสูตรตาม (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องกำหนดลักษณะ ขนาด และคุณสมบัติของวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อมิให้ปะปนกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบกิจการตามปกติของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น
ปุจฉา ลูกจ้างพนักงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ต้องรับรู้เงินได้ที่เป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่นายจ้างจ่ายแทนให้เป็นเงินได้พึงประเมิน เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่
วิสัชนา กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายค่าใช้จ่าย เพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่เป็นนายจ้าง ไม่ถือเป็นประโยชน์อย่างอื่นที่ลูกจ้างแต่ละคนได้รับ
ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ลูกจ้างแต่ละคนจึงไม่ต้องนำค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมในส่วนของตนไป รวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใดปุจฉา กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ดำเนินการฝึกอาชีพตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกอาชีพ พ.ศ.2537 ให้แก่บุคคลทั่วไปที่มิใช่พนักงานหรือลูกจ้างของตนเอง
โดยได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรอย่างไร
วิสัชนา กรณีดังกล่าวบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกการสอนตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกอาชีพ ให้หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้หนึ่งเท่าครึ่งของรายจ่าย ที่ได้จ่ายไปเพื่อการนั้น
จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ไขปัญหาภาษี วันที่ 19 พฤษภาคม 2548

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก